top of page
ttpuwadon

"มองเห็นชัดเลย มันว้าว มันดีมากจริงๆ"

สวัสดีจ้า วันนี้ถึงคิวสาว 40+ มารีวิวบ้างแล้ว เดิมมีอยู่ว่า มารู้ตัวว่าสายตาสั้นและเอียงก็ตอนอยู่ ม. 3 ตอนนั้นต้องใส่แว่นหนาและซ้ายขวาไม่เท่ากันเลย จนตาขวากลายเป็น lazy eye ไปแล้ว พออยู่มหาลัยก็อยากสวย บวกกับไม่ชอบใส่แว่น เลยเลือกใส่ contact lens มาตลอดจน 20 กว่าปี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็อยากทำ lasik มาตลอดแต่ราคาแอบแรงเลยใส่ contacts lens มันทุกวัน วันละ 18 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ (ถอดแค่ตอนจะนอน) จนซักปีที่ผ่านมา รู้สึกเอ๊ะ สายตายาวแล้วรึป่าว มันมองไม่ค่อยจะชัด เลยทำเริ่มสนใจที่จะทำแล้ว ตอนนี้มีหลายคนมาป้ายยา ว่าทำแล้วดี ทำเหอะ ไอ่เราก็หาข้อมูลสิคะ ว่าทำที่ไหน ราคาเท่าไหร่ จนเคาะแล้วที่หมอโบว์นี่แหล่ะ 7 สิงหาคม 2565 ก็ติดต่อเพื่อจองคิวทำ ก่อนมาก็เตรียมตัวใส่แว่นมาก่อน 1 เดือนไปเลย เพื่อความชัวร์ 55 นัดหมอแล้ว ก็จองตั๋ว จองโรงแรมต่อจ้า และระวังตัวอย่ามา jackpot 2 ขีดด้วย ไม่งั้นจากทำ lasik คงต้องเปลี่ยนเป็นโปรแกรมกินๆ เที่ยวๆ แทน

วันที่ 11 กันยายน 2565 เดินจากโรงแรมมาโรงพยาบาล ไหว้พระ เสร็จแล้วก็มาติดต่อจุดลงทะเบียนผู้ป่วยก่อน แล้วรถกอล์ฟมารับไปตรวจ ATK ตรวจเสร็จก็มานั่งรอ ระหว่างนั้นก็ท่องนะโมลุ้นผลไป สุดท้ายแอดมินโทรมาแจ้งว่าผลเป็น negative รอดซิจ๊ะคุณได้ไปต่อที่ชั้น 4 เหลืออีกด่านว่ากระจกตาเราจะผ่านมั้ย ไปต่อได้รึป่าว 55

พอถึงศูนย์จักษุและเลสิกแล้ว ก็เข้าไปแจ้งชื่อมีน้องๆ แอดมินคอยให้ข้อมูลและเรียกชื่อเพื่อไปตาม station ต่างๆ ตั้งแต่ S.1 ซักถามข้อมูล อ่านเอกสาร S.2 ตรวจวัดความโค้งและความหนาของกระจกตา อันนี้รู้แต่ว่าผ่านคุณได้ไปต่อ S.3 วัดค่าสายตา ซ้าย -350 ขวา -625 เอียงอีก 175 แล้วก็มียาวอีกนิดหน่อย ตามวัยอ่ะเนาะ S.4 พบคุณหมอเพราะมีสายตายาวก็แก่สุดในนั้นอ่ะนะ หมอโบว์ก็อธิบายว่าหลังทำแล้วจะเป็นไงพร้อมให้เราซักถามได้ คุยกับหมอเสร็จตัดสินใจทำ Femto Lasik เหมือนเดิมเพราะสายตาสั้นเยอะ S.5 เซ็น consent form แล้วก็หยอดตาขยายม่านตาจ้า โดนหยอด 2 รอบไปเลย 55 หลังจากนั้นก็ไปจ่ายเงิน พักกินข้าวแล้วก็รอขึ้นเขียงอีกทีตอนบ่ายโมง

ช่วงบ่ายได้เวลาก็เตรียมทำความสะอาดหน้า เปลี่ยนชุด เปลี่ยนรองเท้าให้เรียบร้อย แล้วเข้าห้องรอฟังหมอบรีฟพร้อมเด็กอีก 6 คน ลุ้นๆ ว่าใครจะได้ไปก่อน หวยออกที่รองสุดท้ายจ้า ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็หยอดยาฆ่าเชื้อและยาชาไป เราก็หลับตาไปด้วยเพราะม่านตายังแอบสู้แสงเบาๆ และก็ลุ้นเด็กๆ ไปด้วย ใช้เวลาไม่นานประมาณคนละ 10-15 นาที อันนี้แล้วแต่เคส สั้นน้อยก็ใช้เวลาน้อย พอถึงคิวเราก็โอ้ว..... มีเจ้าหน้าที่และคุณหมอเยอะเลย ทุกคนช่วยเชียร์อัพมากมาย หมอโบว์คนสวยคอยบอกว่าตอนนี้ทำอะไรกับเราบ้าง ตั้งแต่ผ่าแยกชั้นกระจกตา เปิดฝากระจกตา และ laser เพื่อปรับความโค้งข้างในชั้นกระจกตา ตั้งใจมองแต่สีเขียวตามหมอบอก ช่วงนี้ตื่นเต้นสุดเพราะห้ามขยับตัว แต่ก็นะป้ากลัว แอบกรีดร้องเบาๆ แล้วก็ปิดฝากระจกตา ทำความสะอาดต่อ เสร็จแล้วหมอก็ตรวจตาแผลสวยงาม แล้วปิด eye shields เป็นอันจบกระบวนการ นั่งรถเข็นสวยๆ เรียก taxi กลับโรงแรมไป ระหว่างนี้เริ่มมองไม่เห็น ตามันปิดและปวดมาก จัด paracetamol ไป 1 เม็ด 2 เม็ดก็แล้ว เม็ดที่ 3 ก็ตามมา พร้อมยานอนหลับอีก 1 เม็ด เบาๆ เพราะปวดไม่ไหว น้ำตาไหลตลอด ทรมานสุดๆ (ตื่นมาอีกทีเที่ยงคืนก็หายเจ็บล่ะนะ แต่ตาปิดสนิททั้ง 2 ข้างเลย เลยต้องนอนต่อ ตื่นอีกทีตี 4 และ 6 โมงเช้า เริ่มทำความสะอาดตาตามที่เจ้าหน้าที่บอก เฮ้ยตาเริ่มเปิด มองเห็นชัดเลย มันว้าว มันดีมากจริงๆ มันดีอย่างงี้นี่เอง ช้านไม่ต้องใส่แว่น ใส่ contact lens แล้ว กรี๊ด..... จากนั้นรีบอาบน้ำแล้วมา follow up กับคุณหมอ ตาปกติดี กระจกตาไม่พับ ไม่งอ ไม่มีภาวะต้อกระจก ต้อหิน และติ่งเนื้อ สายตายาวมีนิดหน่อยแต่ยังมองเห็นระยะใกล้ได้เลยยังไม่ต้องใส่แว่น เย้ๆ การมองเห็นจะค่อยๆ ดีขึ้น และเพราะเราอยู่เชียงใหม่ หมอโบว์เลยทำใบ refer ให้ไปตรวจตาต่อที่คลินิก เมื่อครบ 1 สัปดาห์, 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือน ต่อไป

วันนี้ได้เวลาเขียนรีวิว และป้ายตาเหยื่อรายต่อไปของเรา ซึ่งมันดีมากบอกเลย มีโปรด้วยนะ ที่สำคัญคุณหมอโบว์และเจ้าหน้าที่น่ารัก บริการดีสุดๆ โรงพยาบาลดีงาม ต้องมาแล้วน้า.....คุณๆ ทั้งหลาย อย่าลืมตามไปตำนะ



6 views0 comments

Comments


bottom of page