top of page
ttpuwadon

"ลาก่อนแว่นตาเพื่อนยาก"

วันนี้คืออีกวันที่บางอย่างของชีวิตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง……….ยาวหน่อยนะครับ^^ จากการที่ต้องใช้ชีวิตด้วยการใส่แว่นสลับคอนแทคเลนส์มาโดยตลอดตั้งแต่ ป.4 จนถึงปัจจุบันรวม 27 ปีโดยประมาน ปัจจุบันค่าสายตาขวาสั้น 850 ซ้าย 725 เอียง 100 การใช้ชีวิตทั่วไปผ่านมาด้วยความกลัวกับการทำเลสิคมาโดยตลอดจนวันนึงก็เปิดเจอเพจคุณหมอโบว์ Perfect Eyes by หมอโบว์ และเพจอื่นๆอีกมากมาย ( facebook มันรู้ได้ไงแฮะว่าเราสนใจจะทำ ทั้งๆที่ยังไม่บอกใครรเลยนะเนี่ย) เมื่อเข้าไปหาข้อมูลมาระยะเวลาหนึ่ง ไม่ว่าจะวิธีการรักษา โรงพยาบาลที่ทำ และตัวคุณหมอที่ทำ สุดท้ายกลั่นกรองด้วยความข้อมูลและความรู้สึกขั้นสูง... จึงตัดสินใจเลือกทำการแก้ไขสายตากับคุณหมอโบว์ ด้วยการทำ Femto Lasik (เลสิค ไร้ใบมีด) ณ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ประเด็นสำคัญที่เลือกคุณหมอโบว์คือทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณหมอน่ารัก ใจดี มือเบา และให้คำแนะนำที่ดีมาก อธิบายขั้นตอนการทำอย่างละเอียดตั้งแต่ ก่อนทำ หลังทำ และระหว่างการรักษาตัว… หลังจากนั้นก็เริ่มกระบวนการหาความมั่นใจเพิ่มเติมโดยการโทรสอบถามเพื่อนChapat Tathong และน้องPaisan Charoenrat ที่เคยทำมาก่อนซึ่งมีแต่คำแนะนำและกำลังใจที่ดีให้ทำ ซึ่งมีคำที่พูดเหมือนกันคือ แล้วจะรู้สึกว่าได้ชีวิตใหม่!!! ฟังแล้วเอิ้มม อยากทำเดี๋ยวนั้นเลย 555 แต่ แต่ แต่ การเตรียมตัวเริ่มจะทำนั้น อาจดูง่ายสำหรับคนอื่น แต่ไม่ง่ายสำหรับผม คือ ผมต้องใส่แว่นตลอด 4-7 วัน เพราะชีวิตปกติผมใส่แต่คอนแทคเลนส์ ทำให้การใช้ชีวิตค่อนข้างงงๆ ขับรถก็ค่อนข้างลำบาก ออกกำลังกายนี่ไม่ตอบโจทย์อย่างรุนแรง แต่ก็แอบกังวลเรื่องกระจกตาอีกว่าถึงวันนัดตรวจแล้ว ถ้ากระจกตาบางก็อาจจะทำไม่ได้…. วันที่รอคอยมาถึง คือวันที่ 28 สิงหาคม 2565 เดินทางมาโรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อตรวจ ATK ก่อน เมื่อผลตรวจ ATK ออกเรียบร้อยแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งเพื่อให้ขึ้นไปยังศูนย์เลสิค ชั้น 4 เจ้าหน้าที่เริ่มซักถามข้อมูลเบื้องต้น และให้อ่านเอกสารเป็นเอกสารเงื่อนไขยืนยันการอนุญาตให้ผ่าตัด โอ้วว อ่านแล้วแอบกลัวนะแต่ๆๆ เราเชื่อมั่นในคุณภาพและตัวคุณหมอนี่นา เอาวะ ลุย! หลังจากนั้นก็เริ่มกระบวนการ 1. ตรวจวัดค่าสายตาอย่างละเอียด 2. ตรวจวัดค่าความโค้งและความหนากระจกตา อันนี้ล่ะที่กลัว หากหนาไม่พอก็จะทำไม่ได้ ซึ่งเราไม่สามารถรู้เองได้เลย รอผลตรวจด้วยใจจดจ่อยิ่งนัก 3. เข้าพบคุณหมอเพื่อซักประวัติ คุณหมอใจดีมาก อธิบายค่าสายตาว่าเราสายตาสั้น ขวา 850 ซ้าย 725 เอียง 100 (ว่าละถ่ายรูปเอียงทู้กที ) และเริ่มมีสายตายาวมาเล็กน้อย แต่ยังไม่เป็นอุปสรรคกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เมื่อปรึกษาประเด็นนี้จบที่ว่าแก้ค่าตามสายตาสั้นก่อน ส่วนสายตายาวค่อยว่ากันครับ 555 ประเด็นสำคัญต่อไปคือประเด็นที่ลุ้นมากกกก คือเรื่องกระจกตาซึ่งหากหนาไม่พอก็ทำไม่ได้ สรุปคุณหมอแจ้งว่า กระจกตาหนา 590 หน่วยเป็นอะไรไม่แน่ใจ ถามต่อคุณหมอทันทีว่า สามารถทำได้หรือไม่ คุณหมอบอกว่าหนากว่าปกติ ซึ่งปกติคือประมาณ 580 แบบนี้คือสบายมากค่ะ ถือว่ามีต้นทุนที่ดี ^^ คำตอบนี้ทำเอาสิ่งที่กังวลว่าทำได้หรือไม่ได้หลุดลอยออกจากชีวิตไปทันที คุณหมอเริ่มอธิบายรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติมว่าการทำอาจใช้ระยะเวลามากกว่าท่านอื่นเพราะสายตาสั้นเยอะ แต่ฟังดูแล้วก็ค่อนข้างสบายใจเพราะไม่นานเกินใจ ถ้าจำไม่ผิดราวๆ 17 วินาทีที่ต้องนิ่งค้างไว้ เข้าใจแต่ยังไม่เห็นภาพเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ตื่นเต้นว่าทำได้ 4. เข้าขั้นตอนการเตรียมตัวเบื้องต้น คือเริ่มหยอดยาขยายม่านตา สิ่งที่เห็นคือแสงเข้ามามากกว่าปกติ แต่ก็ไม่เกินรับไหว อันนี้คือสบายมาก 5. กลับมาพบคณหมอเพื่อตรวจจอประสาทตาและวัดเลนส์ตาอีกครั้ง เพื่อคอนเฟิร์มค่าสายตาที่แท้จริงที่จะทำ เพราะก่อนหน้าหยอดยาขยายม่านตา เราอาจมีการเกร็งตา เพื่อให้ภาพชัด แต่การขยายม่านตา จะช่วยให้ค่าที่แม่นยำยิ่งขึ้น (อันนี้คือที่จำได้นะครัช แต่น่าจะใช่ล่ะ 555 ) 6. พบคุณหมอ แบบรวมกลุ่มคุณหมออธิบายขั้นตอนการดำเนินการทั้งหมดอย่างละเอียด ทำให้หายสงสัยหลายอย่างเช่น ถ้าเราเผลอกระพริบตาล่ะ ถ้าเราเผลอกรอกตาไปมาล่ะ จะอันตรายมั้ย คุณหมอแจ้งว่าจะมีทีถ่างตาไว้ ฉะนั้นเรื่องกระพริบตาสามารถทำได้ปลอดภัยจ่ะ ในส่วนของการกรอกตานั้นคุณหมอขอให้มองจุดเขียว ไว้ หากกรอกตาไม่มาเครื่องจะเคลื่อนติดตามตำแหน่งไป แต่หากมากเครื่องก็จะหยุด แล้วเริ่มใหม่ โอ้ว ปลอดภัยหายห่วง หลังจากคุณหมออธิบายเรียบร้อยก็จบในครึ่งเช้า แยกย้ายจ่ายเงิน และไปกินข้าว เพื่อมาเจอกันรอบบ่ายต่อไป

รอบบ่าย…คือรอบผ่าตัดแว้ววววววว

หมอนัด 13.30 น.

เมื่อถึงเวลาทางทีมพี่ๆพยาบาลจะพาเราไปเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้า ใส่หมวกคลุมผม เปลี่ยนรองเท้า ให้เรียบร้อย

หลังจากนั้นก็จะพาไปยังห้องเตรียมความพร้อม ระหว่างนี้ทางพยาบาลก็จะตรวจตาว่าม่านตาหดตัวเรียบร้อย พร้อมทั้งหยอดยาชา ยาฆ่าเชื้อวนไป คิวในการดำเนินการ สำหรับ femto lasik ประมานคิวละ 15 นาที สำหรับแบบใบมีดประมาน 8 นาที ระหว่างนี้คุณพยาบาลให้เราเอามือถือมาเล่นได้ ระหว่างรอ ส่วนผมได้คิวที่ 5 นึกชอบทันที ว่ากำลังดีจากเพื่อนๆในรอบนี้ทั้ง 10 คน

เมื่อถึงคิวพยาบาลจะเรียกชื่อและพาเดินไปยังห้องผ่าตัดเลสิค เอาแล้ววววววววว…..

เมื่อเข้าไปในห้องผ่าตัดสิ่งแรกคือ 1. ถอดแว่นและฝากมือถือไว้ในตะกร้าใบน้อย 2. ขึ้นเขียง เอ๊ย ขึ้นเตียงที่มีหลุมๆอยู่บริเวณหัว กระเถิบขึ้นอีกนิดค่ะๆ ผมก็กระเถิบด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ จนลงหลุมพอดี 555 เอาล่ะเข้าล็อค 3. คุณหมอโบว์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เหมือนรู้ว่าชายกำยำคนนี้โคตรกลัววววววว 555 แนะนำแต่ละขั้นตอน ที่จำได้คือเริ่มที่ข้างขวาก่อนนะคะ ใช้เวลาขั้นตอนนี้ 17 วินาที นะคะ สลับกับเสียงพี่ผู้ชายทีมคุณหมอที่เสียงอ่อนโยนไม่แพ้กัน 10 วินาที นะครับ เรียบร้อยนะคะ หลับตานะคะ มองแสงเขียว แล้วนิ่งๆไว้นะคะ ใกล้เสร็จละครับ เก่งมากค่ะ นิ่งมากค่ะ ช่วงนี้ตาจะมองไม่เห็นชั่วครู่ นะคะ เครื่องกำลังลงตำแหน่งนะคะ มองจุดเขียวนะคะ ที่สำคัญคือมีกลิ่นไหม้ ใช่ กลิ่นไหม้จริงๆครับ มันเกิดขึ้นที่ตาเรา แต่ แต่ แต่ ไม่เจ็บเลย เห้ยยย คือดีย์มากกกกก สุดท้ายจบ 1 ข้าง เท่าที่เล่ามาเหมือนนาน แต่จริงๆแต่แป้บเดียวนะครับ 555 มาต่อที่ข้างซ้าย เพิ่มเติมคือต้องเอียงศีรษะนิดนึงเดาว่าน่าจะเพราะต้องแก้องศาตาเอียงในข้างนี้ หรือเพราะเราแอบเขยิบตอนทำข้างขวาหว่า สุดท้ายเสร็จสิ้นทั้งสองข้างด้วยความเรียบร้อย

คุณหมอชมว่าแอบไปทำสมาธิที่ไหนมานิ่งมากค่ะ เยี่ยมเลยค่ะ 5555 ไม่อยากบอกว่า ตอนนั้นผมสิ้นใจไปชั่วขณะครับ 555 หยอกๆๆ จริงๆคือไม่เจ็บแค่แอบกังวล ทุกอย่างเลยนิ่งได้นานครับทู้กคนนนน หลังจากนั้นคุณหมอก็ตรวจดูสภาพตาหลังผ่าตัด คุณหมอแจ้งว่าเสร็จสิ้นเรียบร้อยดี แล้วก็ปิดฝาครอบตาให้ กลายเป็นยอดมนุษย์อุลตร้าแมนไปเรียบร้อย หันไปไหว้ขอบคุณคุณหมอพร้อมทีมงาน และถ่ายภาพกับคุณหมอโบว์ จากนั้นพี่พยาบาลใจดีก็พาไปเปลี่ยนชุดและพามายังที่นั่งรับรอง พร้อมเรียกพี่ผู้ช่วยพยาบาลเข็นรถมารับและติดตามญาติให้ นกมาพอดีเดินทางลงลิฟต์ และเรียกแท็กซี่ให้ โอ้วขอบคุณๆมากๆครับ บริการดีมากครับ ระหว่างทางยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ เริ่มมีอาการปวดตึง บริเวณตา ลืมตาไม่ค่อยขึ้น แต่ก็พยายามบอกทางแท็กซี่มาจนถึงห้อง

เมื่อมาถึงห้องคิดไว้ว่า หึหึหึ สุดท้ายคงจะปวดน้ำตาไหลแล้วก็กินยา แล้วก็หลับ แล้วก็ตื่นมากินยานอนหลับแล้วก็ตื่นมาอีกวันโลกสดใส ตามที่อ่านรีวิวสินะ สบาย ไม่ได้แอ้มผมหรอก 555 ปรากฏ……เช้ดเข้ ปวดตามากกกกก ปวดจนยาเอาไม่อยู่ กังวล กลัว หลอนไปหมด พยายามลืมตา น้ำตาของลูกผู้ชายไหลพราก โอ้ยยยย ขอยานอนหลับเลยได้มั้ย แฟนเอามาเสิร์ฟทันที ปรากฏไม่หลับจ้า เอาไงดี สรุปไปอาบน้ำแปรงฟัน เข้าห้องนอนปิดไฟมืดดิ้นสักพักใหญ่ ก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ พร้อมคราบน้ำตา ตื่นมา 6.00 น. อาการปวดหายหมด เหลืออาการเคืองตาทิ้งไว้ไม่มาก เอาวะ เริ่มพยายามลืมตาลุกจากที่นอน นั่งทำใจที่โซฟา เข้าห้องน้ำเอาตาอุลตร้าแมนออก โอ้วว เห้ย ไม่มีคอนแทคเลนส์ ไม่ต้องใส่แว่น แต่ แต่ แต่ ชัดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ้ว โลกใบใหม่ของนายต้นเกิดขึ้นแล้ว welcome to my world ทำความสะอาดตา เช็ดหน้า แล้วก็นั่งเท่ๆอยู่ที่โซฟาอีกพัก งง ในสิ่งที่เกิดขึ้น 55555

เมื่อคืนที่ผ่านมา … มันคือความเจ็บปวดที่งดงามจริงๆ

วันนี้ไปตรวจแผลมาปรากฏว่าผลปกติดี

สุดท้ายขอบคุณคุณหมอโบว์ และทีมพยาบาลมากครับ ที่ทำให้การผ่าตัดครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี และที่ขาดไม่ได้คือคุณแฟนNokky Dollที่ไปรอด้วยกันจนเสร็จสิ้น พากลับบ้านและดูแลอย่างดี

ลาก่อนแว่นตาเพื่อนยาก ^^



14 views0 comments

Comentarios


bottom of page